ข้อสอบปลายภาควิชากฎหมายการศึกษา
1.ให้นักศึกษาอธิบาย คำว่า ศีลธรรม
จารีตประเพณี และกฎหมาย เหมือนหรือต่างกันอย่างไร
ตอบ ศีลธรรม คือ ความประพฤติที่ดีที่งามของมนุษย์ทุกๆคนโดยไม่ได้ถูกจำกัดว่าบุคคลผู้นั้นจะมีเชื้อชาติหรือศาสนาอะไรเป็นเรื่องของมโนธรรมหรือจิตสำนึกที่ดีที่งามที่มนุษย์ทุกๆคนควรจะมี
ตัวอย่างเช่น ความยุติธรรม ความถูกต้อง ความชอบธรรม ความซื่อสัตย์สุจริต
ความเสียสละ ความกตัญญู
จารีตประเพณี
คือ ระเบียบแบบแผน ความประพฤติของมนุษย์ที่มนุษย์ยอมรับนับถือและปฏิบัติสืบต่อกันมาเป็นเวลานาน
เป็นสิ่งที่มุ่งถึงการกระทำภายนอกของมนุษย์ เป็นกฎเกณฑ์ที่บังคับพฤติกรรมที่มนุษย์แสดงออกมา
เช่น การที่พบบุคคลอื่นอาจจะมีการทักทายกัน หรือการที่เข้าไปในวัด ในโบสถ์
จะต้องถอดรองเท้า หรือจารีตประเพณีในเรื่องของการแต่งงาน การหมั้น ที่จะต้องไปสู่ขอจากฝ่ายหญิง
มีขันหมาก มีสินสอด มีของหมั้นไปให้ฝ่ายหญิง นั่นคือจารีตประเพณี
กฎหมาย คือ กฎเกณฑ์ที่ใช้บังคับกับมนุษย์ในสังคมเป็นกฎเกณฑ์ที่กำหนดความประพฤติของบุคคลในสังคมซึ่งบุคคลจะต้องปฏิบัติตามหรือควรจะปฏิบัติตามเพื่อความสงบเรียบร้อย
หากผู้ใดฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามย่อมได้รับโทษ และในอีกทางหนึ่ง กฎหมายก็ยังเป็นสัญลักษณ์และเป็นเครื่องมือในการแสดงออกซึ่งความยุติธรรม
ความแตกต่างระหว่างกฎหมายกับจารีตประเพณี
- กฎหมายเป็นข้อบังคับของรัฐ
แต่จารีตประเพณีเป็นข้อบังคับของชนชั้นใดชั้นหนึ่งหรืออาชีพใดอาชีพหนึ่ง
- การกระทำความผิดหรือฝ่าฝืนกฎหมาย
ผู้กระทำจะมีความผิดและถูกลงโทษ
แต่การกระทำความผิดหรือฝ่าฝืนจารีตประเพณีจะได้รับเพียงการติเตียน หรือตำหนิจากสังคมเท่านั้น
- กฎหมายเป็นข้อกำหนดความประพฤติของมนุษย์เพียงบางอย่างเท่านั้น
แต่จารีตประเพณีครอบคลุมการดำรงชีวิตของมนุษย์ทั้งหมด
ความแตกต่างระหว่างกฎหมายกับศีลธรรม
- กฎหมายเป็นข้อบังคับของรัฐ
แต่ศีลธรรมเป็นความรู้สึกที่เกิดจากจิตใจของมนุษย์แต่ละคน
- ข้อบังคับของกฎหมายกำหนดเป็นลายลักษณ์อักษร
แต่ศีลธรรมนั้นมิได้มีการกำหนดเป็นลายลักษณ์
- กฎหมายกำหนดความประพฤติภายนอกของมนุษย์ที่แสดงออกมาให้เห็น
แต่ศีลธรรมเป็นเพียงแต่คิดในทางที่ไม่ชอบ
- กฎหมาย
ผู้ฝ่าฝืนจะได้รับผลร้ายหรือถูกลงโทษ แต่ศีลธรรม ขึ้นอยู่กับความรู้สึกนึกคิดของบุคคลนั้น
ความสัมพันธ์ระหว่างกฎหมายกับศีลธรรม ศาสนา และจารีตประเพณี
มีหลายประการด้วยกัน
แต่กฎหมายและจารีตประเพณีต่างก็เป็นกฎเกณฑ์ที่จัดระเบียบของสังคมเหมือนกัน มีจุดมุ่งหมายเพื่อให้สังคมมีความสงบสุข
แต่กฎหมายมีลักษณะแตกต่างจากฎเกณฑ์อื่นอยู่ตรงที่กฎหมายมีโทษที่ค่อนข้างรุนแรงและเด็ดขาดกว่าสามารถนำมาบังคับใช้ให้เกิดผลที่เป็นรูปธรรมได้ดีกว่า
2. คำว่าศักดิ์ของกฎหมาย คืออะไร มีการจัดอย่างไร โปรดยกตัวอย่าง รัฐธรรมนูญ คำสั่งคณะปฏิวัติ คำสั่ง คสช. พระราชกำหนด พระราชกฤษฎีกา พระราชบัญญัติ
เทศบัญญัติ พระบรมราชโองการ กฎกระทรวง
ตอบ ศักดิ์ของกฎหมาย คือ
ลำดับฐานะหรือความสูงต่ำของกฎหมายที่มีความสำคัญสูงกว่าหรือต่ำกว่ากัน
มีการจัดแบ่งลำดับชั้นของกฎหมาย ดังนี้
· - รัฐธรรมนูญ คำสั่งคณะปฏิวัติ คำสั่ง คสช.
· - พระราชบัญญัติ
· - พระราชกำหนด
· - พระบรมราชโองการ กฎกระทรวง
· - พระราชกฤษฎีกา
· - กฎกระทรวง
· - เทศบัญญัติ
3. แชร์กันสนั่น
ครูโหดทุบหลังเด็กซ้ำ เหตุอ่านหนังสือไม่ได้
ตามรายงานระบุว่า ผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ "กวดวิชา
เตรียมทหาร" ได้แชร์ภาพและข้อความที่เกิดขึ้นกับเด็กชายคนหนึ่ง
ภาพดังกล่าวเผยให้เห็นสภาพแผ่นหลังของเด็กที่มีรอยแดงช้ำ
โดยเจ้าของภาพได้โพสต์ไว้ว่า
"วันนี้...ลูกชายวัย 6 ขวบ อยู่ชั้น ป.1 ถูกครูที่โรงเรียนตีหลังมา
สภาพแย่มาก..(เหตุผลเพราะอ่านหนังสือไม่ค่อยได้) ซึ่งคนเป็นแม่อย่างเรา
เห็นแล้วรับไม่ได้เลย มันเจ็บปวดมาก...มากจนไม่รู้จะพูดอย่างไรดี
น้ำตาแห่งความเสียใจมันไหลไม่หยุด ถ้าเลือกได้ก็อยากจะเจ็บแทนลูกซะเอง
พาลูกไปหาหมอ หมอบอกว่า แผลที่ร่างกายเด็กรักษาหายได้
แต่แผลที่จิตใจเด็กที่ถูกทำร้าย โดนครูทำแบบนี้ มันยากที่จะหาย
บาดแผลนี้มันจะติดที่..หัวใจ..ของน้องตลอดไป"
จากข้อความดังกล่าวในฐานะนักศึกษาเรียนวิชากฎหมายการศึกษาคิดอย่างไรที่จะไม่ให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าว
ซึ่งทุกคนจะต้องไปเป็นครูในอนาคตอันใกล้นี้ ให้อภิปรายแสดงความคิดเห็นปรากฏการดังกล่าวนี้
ตอบ จากข้อความดังกล่าว ครูทำร้ายเกินกว่าเหตุคือ การใช้อารมณ์ในการตัดสินปัญหา เช่น เมื่อครูบางคนโกรธ
อารมณ์เสีย หรือไม่พอใจสิ่งใดก็มักมาลงอารมณ์กับเด็กด้วยการทำรุนแรง เช่น ตบ ตี ขว้างปาสิ่งของใส่
ตะคอกเด็กด้วยถ้อยคำ รุนแรงหยาบคาย ซึ่งพฤติกรรมเหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งที่สร้างบาดแผลในใจเด็กทั้งสิ้น
อีกทั้ง อาจส่งผลให้เด็กซึมซับเอาพฤติกรรมเหล่านี้มาจนกลายเป็นคนมีนิสัยเป็นนักเลง
ก้าวร้าว โมโหร้าย เป็นต้น จากข่าวปัญหาคือเด็กอ่านหนังสือไม่ค่อยได้
ซึ่งเป็นปัญหาปกติในนักเรียนชั้น ป.1 เพราะนักเรียนแต่ละคนจะมีพัฒนาการที่แตกต่างกัน ฉะนั้น ครูควรหาวิธีการสอน
หรือรูปแบบการสอนใหม่ๆ เพื่อส่งเสริมในการอ่านของนักเรียนมากยิ่งขึ้น
ไม่ใช่มาใช้ความรุนแรงในการแก้ปัญหา ในฐานะที่เราเป็นครูของสังคม จึงมีหน้าที่ในการช่วยดูแลช่วยเหลือ อาชีพครูคือเป็นคนสร้างคนให้เป็นคนดีของสังคมและประเทศชาติ
4. ให้นักศึกษา สวอท. ตัวนักศึกษาว่าเราเป็นอย่างไร
ตอบ SWOT ANALYSIS ตัวเอง
S = STRENGTH หมายถึง จุดแข็ง
W= WEAKNESSหมายถึง จุดอ่อน
O= OPPORTUNITY หมายถึง โอกาส
T= THREATหมายถึง อุปสรรค
1. จุดแข็ง (Strengths)
Ø รู้จักการวางตัวและการเคารพสิทธิผู้อื่น
Ø มีความเป็นเพื่อนให้ทุกคน
ไม่เลือกคบเพื่อน
Ø เด็ดเดี่ยว ไม่ท้อแท้
Ø ตั้งเป้าหมายอย่างชัดเจน
Ø กล้าแสดงออก
Ø รู้จักกาลเทศะ
Ø เรียนรู้งานได้รวดเร็ว
2.จุดอ่อน (Weaknesses)
Ø เฉื่อยชา
Ø ใช้เงินฟุ่มเฟือย
Ø ขี้เกียจ
Ø ใจร้อน
3. โอกาส (Opportunities)
Ø ครอบครัวให้การสนับสนุนในด้านการศึกษาเป็นอย่างดี
Ø มีเพื่อนที่เข้าใจ คอยให้กำลังใจ และคอยช่วยเหลือ
Ø ได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆจากมหาวิทยาลัยและสถานที่ต่างๆ
Ø ได้ทำงานร่วมกับสังคม
4.อุปสรรค (Threats)
Ø เทคโนโลยีมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
Ø กิจกรรมบางอย่างของคณะไม่มีประโยชน์และเบียดบังเวลา
5.ให้นักศึกษาวิจารณ์อาจารย์ผู้สอนวิชานี้ในประเด็นการสอนเป็นอย่างไร
บอกเหตุผล มีข้อดีและข้อเสีย
ตอบ ในความคิดเห็นของข้าพเจ้าสำหรับอาจารย์ผู้สอนรายวิชานี้มีข้อดีหลายประการ
เช่น เป็นคนสุขุม นุ่มลึก อาจารย์ใจดี พูดจาไพเราะกับนักศึกษา
มีการจัดการเรียนการสอนที่มีทั้งการเรียนรู้ในห้องเรียนและนอกห้องเรียนเพื่อให้นักศึกษาได้ค้นคว้าหาข้อมูลด้วยตนเอง
และเมื่อมีการนำเสนอหน้าชั้นเรียนหากข้อมูลไม่ครอบคลุมอาจารย์ก็จะคอยอธิบายเพิ่มเติมเพื่อเป็นประโยชน์และให้ข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับเนื้อหานั้นๆ
อีกทั้งยังมีการใช้เทคโนโลยีในการส่งงานเพื่อเป็นการฝึกการใช้เทคโนโลยีมากยิ่งขึ้นให้ทันกับความเปลี่ยนแปลงในสังคม
ในส่วนของข้อเสียนั้นข้าพเจ้าคิดว่ามันไม่ได้เป็นข้อเสียแต่อยากให้อาจารย์ได้ดูงานที่ส่งไปผ่านบล็อค
เพื่อดุว่าที่ส่งไปนั้นคำตอบถูกต้องหรือไม่ จะได้นำไปพัฒนาและปรับปรุงต่อไป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น