ผู้ปกครองโวย!
ครูโหดใช้ไม้บรรทัดเลื่อยหูเด็กอนุบาล เย็บ 5 เข็ม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงเช้าวันนี้ (22 ก.ค
57) ที่หอประชุมโรงเรียนอนุบาลเทศบาลตำบลแม่ยวม
อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน กลุ่มผู้ปกครองเด็ก จำนวนกว่า 60 คน
เข้ารับฟังคำชี้แจงของนายพุทธิวัฒน์ ใจสูง นายกเทศมนตรีตำบลแม่ยวม และนางแพรนภา ธรรมเนียมต้น
ผอ.โรงเรียนอนุบาลเทศบาลตำบลแม่ยวม กรณีที่นางจันทนา วรสกุล
ครูในโรงเรียนอนุบาลเทศบาลตำบลแม่ยวม ตำแหน่งครูผู้ช่วย ครูประจำชั้นห้องอนุบาล 2
ที่ลงโทษ เด็กชายจี (นามสมมุติ) อายุ 4 ปี นักเรียนชั้นอนุบาล 2
โดยการใช้ไม้บรรทัดเหล็กเลื่อยใบหูซ้ายจนเลือดอาบ เย็บ 5 เข็ม
เหตุเกิดตั้งแต่วันที่ 8 กรกฎาคม 57 และถูกนำเผยแพร่ทางเฟซบุ๊ก อย่างกว้างขวาง
โดยที่ทางพ่อ แม่ ไม่ติดใจเอาความ
แต่ผู้ปกครองส่วนหนึ่งกังวลกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเรียกร้องให้มีการสอบสวน
เอาความผิดทั้งทางวินัยและอาญา และไม่ให้เข้ามาสอนในโรงเรียนอีกต่อไป
นางแพรวนภา ธรรมเนียมต้น ผอ.โรงเรียน
กล่าวว่านางจันทนา วรสกุล ครูคนดังกล่าว ยังอยู่ระหว่างการทดลองงาน
พึ่งจะสอบบรรจุเข้ามาได้ประมาณ 2 ปี ยังไม่ผ่านการประเมิน
และที่ผ่านมาถูกผู้ปกครองนักเรียนร้องเรียนมาแล้วหลายครั้งว่ามีพฤติกรรมที่
ลงโทษนักเรียนค่อนข้างจะรุนแรง ทางโรงเรียนเองก็ได้กล่าวตักเตือนมาแล้ว 2 ครั้ง
พร้อมกำหนดโทษไว้แล้ว เจ้าตัวรับว่าจะไม่ให้เกิดขึ้นอีก
เหตุการณ์ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3 ที่ครูรายนี้
ลงโทษเด็กด้วยวิธีรุนแรงเกินกว่าเหตุและปฎิเสธการกระทำดังกล่าว
ดังนั้นเพื่อหาข้อเท็จจริงและความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย ทางโรงเรียนร่วมกับคณะกรรมการสถานศึกษาจะดำเนินการสอบหาข้อเท็จจริงอย่าง
เร่งด่วนต่อไป
ด้าน นายพุทธิวัฒน์ ใจสูง
นายกเทศมนตรีตำบลแม่ยวม กล่าวว่า ขณะนี้ได้ออกคำสั่งให้ครูรายนี้
ไปช่วยงานด้านพัสดุ ที่สำนักงานเทศบาลตำบลแม่ยวมแล้ว พร้อมได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมา
1 ชุด ร่วมกับทางศูนย์ประชาบดี สอบหาข้อเท็จจริงเพื่อความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย
ในเบื้องต้นนี้ นางจันทนา ให้การปฏิเสธ อ้างว่าในช่วงเกิดเหตุตนไปเข้าห้องน้ำ
พอกลับออกมาพบว่า เด็กชายจี มีบาดแผลที่ใบหูและเลือดอาบ
ขณะที่เด็กนักเรียนที่อยู่ในชั้นเรียนเดียวกันพูดตรงกันว่าครูประจำชั้นเป็น คนทำร้าย
เด็กชายจี จนได้รับบาดเจ็บดังกล่าว
จากการสอบถามครูในโรงเรียนเดียวกันถึงกรณีนางจันทนา
ทำโทษเด็กชายจี ว่ามาจากสาเหตุอะไร ครูในโรงเรียน เล่าว่า
วันนั้นช่างได้มาทำการปรับสนามฟุตซอล
โดยใช้เครื่องจักรมาปรับพื้นที่ด้วยความห่วงว่าจะเกิดอันตรายแก่นักเรียนจึงสั่งให้เข้าห้องเรียนโดยมีนักเรียนชั้นอนุบาลทั้งหมด
28 คนกลับเข้าห้องกันหมดแล้ว เหลือแต่เด็กชายจี ไม่ยอมเข้าห้อง
จึงถูกลงโทษด้วยการนำไม้บรรทัดมาเฉือนใบหูจนเลือดไหล แล้วปล่อยให้เด็กชายจี
ยืนร้องไห้เสียงดังจนเพื่อนครูมาเห็นตกใจเข้ามาดูบาดแผล เมื่อเห็นว่าแผลลึกและฉกรรจ์จึงรีบนำส่งโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพบ้านน้ำดิบ
แต่แผลลึกจึงนำส่งเด็กชายจีส่งโรงพยาบาลแม่สะเรียง
อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า
หลังจากผู้ปกครองเดินทางเข้าพบ นายกเทศมนตรีตำบลแม่ยวม
และเจรจาเสร็จแล้วทางผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังบ้านน้องนักเรียนที่ได้รับบาดเจ็บ
พบสภาพความเป็นอยู่แล้ว ทำให้สลดหดหู่กับความเป็นอยู่ที่น่าสงสาร
สภาพบ้านเป็นกระต๊อบหลังเล็กๆ ในส่วนลำไย บิดาเด็กชายจี
ไม่มีอาชีพอะไรวันๆทำไร่ปลูกพืชผักสวนครัวออกขาย รายได้ไม่แน่นอน
จากการสอบถาม พ่อของน้องจี
ถึงหลังจากครูทำโทษน้องจี ได้รับการช่วยเหลืออะไรมาบ้าง คุณพ่อตอบว่า
ครูที่ทำโทษน้องจี ให้เงินมาหนึ่งร้อยบาท และทางโรงเรียนให้ค่าเดินทางไปดูแล 1,500
บาท ทางศูนย์ประชาบดีให้มา 2,000 บาท เพื่อเป็นค่าเลี้ยงดูเด็กชายจี
ที่ขณะนอนพักรักษาตัวอยู่โรงพยาบาลแม่สะเรียง
สิ่งที่ได้เรียนรู้จากการอ่านข่าว
สิ่งที่ได้เรียนรู้จากข่าวนี้ข้าพเจ้าคิดว่าหากมีการตรวจสอบว่าเป็นเรื่องจริงนั้นก็เป็นการลงโทษเด็กเล็กที่รุนแรงเกินกว่าเหตุ
คนเป็นครูควรจะสอนเขาให้เป็นคนดี
ควรตรึกตรองกันให้มากขอตั้งสติให้ได้อย่าให้อารมณ์โกรธเข้าครอบงำ
เพราะเมื่อนั้นเราจะขาดสติทำอะไรไม่ได้ก็เดินหนีไปสงบสติอารมณ์ตั้งหลักก่อนแล้วกลับมาใช้เหตุผลในการคุยเพราะเด็กยังเป็นเด็กเล็ก
ถึงแม้ผู้ปกครองเด็กจะไม่เอาความแต่ก็เป็นพฤติกรรมที่ไม่ควรเอาอย่างแต่หากเป็นเรื่องจริงที่พฤติกรรมของครูคนนี้ทำเป็นครั้งที่3
แล้วก็ควรรีบเร่งตรวจสอบพิจารณาเอาโทษผิดเพื่อเป็นแบบอย่างให้คนรุ่นต่อไปหรือเพื่อนร่วมวิชาชีพได้เห็นเป็นเรียนว่าการลงโทษเกินกว่าเหตุนั้นมีความผิดไม่ควรเอาเป็นแบบอย่าง
ที่มา : http://www.bangkokbiznews.com/news/detail/594625
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น